อก. ลุยหารือสมาพันธ์เศรษฐกิจคันไซ ดึงการลงทุน เร่งสร้างอนาคตเศรษฐกิจใหม่ ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยสู่อนาคต
- Team Dr.Artz
- 3 days ago
- 2 min read
Updated: 24 hours ago

พลิกโฉมอุตสาหกรรมไทย: รมว.อุตสาหกรรม "เอกนัฏ พร้อมพันธุ์" นำคณะผู้บริหารลุยญี่ปุ่น ดึงการลงทุน เร่งสร้างอนาคตเศรษฐกิจใหม่
ระหว่างวันที่ 20-23 พฤษภาคม 2568 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (รวอ.) ได้นำคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงฯ เดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่น เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชนญี่ปุ่น พร้อมนำเสนอนโยบายและทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมของไทยในอนาคต โดยมีนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม, นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม, นายธนวัฒน์ ปัญญาสกุลวงศ์ กรรมการ กนอ. รักษาการในตำแหน่ง ผู้ว่าการ กนอ., นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และผู้บริหารท่านอื่นๆ ร่วมคณะ

เปิดเวทีหารือกับสมาพันธ์เศรษฐกิจคันไซ: รับฟังปัญหา ชูโอกาสการลงทุน
หัวใจสำคัญของการเยือนครั้งนี้ คือการประชุมหารือกับสมาพันธ์เศรษฐกิจคันไซ (KANKEIREN) ซึ่งเป็นสมาพันธ์ที่รวมบริษัทชั้นนำในภูมิภาคคันไซของญี่ปุ่น โดยคณะได้มีโอกาสพบปะผู้บริหารจากบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ บริษัท Sumitomo Electric Industry, บริษัท Kubota Corporation, บริษัท Daikin Industries, บริษัท Mitsubishi Electric Corporation, และ บริษัท Daiichi Kigenso Kagaku Kogyo
ในการประชุมครั้งนี้ รมว.อุตสาหกรรม ได้รับฟังปัญหาและอุปสรรคที่ผู้ประกอบการญี่ปุ่นประสบในการดำเนินกิจการในประเทศไทยอย่างรอบด้าน ขณะเดียวกัน รมว.เอกนัฏ ได้เน้นย้ำถึงวิสัยทัศน์และนโยบายสำคัญของรัฐบาลไทยในการปฏิรูปเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม โดยมุ่งมั่นที่จะก้าวสู่การสร้าง "อุตสาหกรรมยุคใหม่" พร้อมยืนยันความพร้อมในการสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของนักลงทุนต่างชาติอย่างเต็มที่

"อุตสาหกรรมยุคใหม่" สร้างอนาคตที่ยั่งยืน
"อุตสาหกรรมยุคใหม่" ภายใต้นโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม มุ่งเน้นการพลิกโฉมอุตสาหกรรมไทยจากฐานการผลิตแบบดั้งเดิมไปสู่การผลิตที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นแกนกลางในการขับเคลื่อน เน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีแนวทางที่สำคัญ ได้แก่
การยกระดับอุตสาหกรรมเดิม: การนำเทคโนโลยีดิจิทัลและระบบอัตโนมัติมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
การส่งเสริมอุตสาหกรรมอนาคต (New S-Curve): การผลักดันอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและสร้างมูลค่าเพิ่มสูง เช่น อุตสาหกรรมชีวภาพ, อุตสาหกรรมการแพทย์, อุตสาหกรรมดิจิทัล, และอุตสาหกรรมหุ่นยนต์
การพัฒนาบุคลากร: การสร้างบุคลากรที่มีทักษะตรงตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรมยุคใหม่ โดยการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษา
การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน: การปรับปรุงกฎระเบียบ การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี และการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ
การจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน: การส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด การจัดการกากอุตสาหกรรม และการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์ (Eco-industrial town)
ในการหารือ รมว. เอกนัฏ ได้กล่าวถึงมาตรการสนับสนุนที่เป็นรูปธรรม เช่น การสนับสนุนการให้สินเชื่อภาคครัวเรือน ด้านภาษีสรรพสามิต เพื่อกระตุ้นยอดขายรถยนต์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมสำคัญของไทย รวมถึงการสนับสนุนอุตสาหกรรมเกษตรให้ก้าวสู่เกษตรอุตสาหกรรม การผลักดันพลังงานจากชีวมวลไปสู่พลังงานทางเลือกใหม่ และการพัฒนาบุคลากรให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดการกากอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่จะสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการอย่างยั่งยืน

เยี่ยมชม Expo 2025 Osaka และเสริมแกร่ง New S-Curve
ในโอกาสนี้ รมว.อุตสาหกรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ยังได้เข้าตรวจเยี่ยมนิทรรศการชั่วคราว (Temporary Exhibition) ซึ่งจัดโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และเยี่ยมชมนิทรรศการ Thailand Pavilion, Japan Pavilion และนิทรรศการของผู้ประกอบการชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น ภายในงาน Expo 2025 Osaka ภายใต้ Theme “Designing Future Society for Our Lives" ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ในการสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืน

นอกจากนี้ คณะยังได้เข้าประชุมหารือกับผู้บริหารบริษัท Kawasaki Heavy Industry ซึ่งเป็นผู้นำด้านการผลิตและพัฒนานวัตกรรม Robotic ที่ใช้ในการแพทย์ การหารือครั้งนี้สอดคล้องกับนโยบาย "New S-Curve" ที่รัฐบาลไทยให้การสนับสนุน โดยเฉพาะการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น Medical Hub หรือศูนย์กลางทางการแพทย์และการบริการสุขภาพในภูมิภาค โดยอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ ถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
นโยบาย New S-Curve: พลิกโฉมเศรษฐกิจไทย
นโยบาย New S-Curve เป็นยุทธศาสตร์สำคัญของรัฐบาลไทยที่มุ่งเน้นการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจจากอุตสาหกรรมดั้งเดิมไปสู่อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อน โดยมีกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายหลัก 10 กลุ่ม ได้แก่:
กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ (Next-Generation Automotive)
กลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Smart Electronics)
กลุ่มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและบริการ (Tourism & Medical Hub) (ซึ่งรวมถึงการเป็น Medical Hub)
กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ (Agriculture & Bio-Tech)
กลุ่มอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร (Food Processing)
กลุ่มอุตสาหกรรมหุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม (Robotics)
กลุ่มอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ (Aviation & Logistics)
กลุ่มอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ (Biofuels & Biochemical)
กลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัล (Digital)
กลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical & Healthcare)
การผลักดัน Medical Hub ผ่านความร่วมมือกับบริษัทระดับโลกอย่าง Kawasaki Heavy Industry จึงเป็นก้าวสำคัญในการสร้างศักยภาพและความเชื่อมั่นให้กับประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ที่ทันสมัย

ปิดท้ายการเยือน คณะ รมว.อุตสาหกรรม ได้เยี่ยมชมและประชุมหารือกับผู้บริหารโรงกลั่น Suntory Yamazaki Distillery โดยย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นฐานการผลิตและการลงทุน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งไทยมีจุดแข็งด้านวัตถุดิบและความหลากหลายทางวัฒนธรรมการบริโภค
การเยือนประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกระทรวงอุตสาหกรรมไทยในการเดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ พร้อมเปิดประตูต้อนรับการลงทุนจากต่างชาติ เพื่อร่วมกันสร้าง "อุตสาหกรรมยุคใหม่" ที่เข้มแข็งและยั่งยืนสำหรับอนาคตของประเทศไทย
ดร.อาร์ต ธนวัฒน์ ปัญญาสกุลวงศ์
Facebook : https://www.facebook.com/DrArtzTanawat
Website : https://www.drartztanawat.com/
#การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
#ลงมือทำสำคัญกว่า
#กรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย